ความฝันในวัยเด็กของผม

ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอวยพรวันเกิดของผมนะครับ
ขอให้ความรัก ความปรารถนาดีของทุกท่านที่มีต่อผมและครอบครัว ดลบันดาลให้ทุกท่านมีความสุขความสมหวังเช่นกันนะครับ
ปีที่ผ่านมากเป็นอีกปีนึงที่ยอดเยี่ยมในชีวิตผมและครอบครัว
ความพยายามต่างๆ และงานต่างๆ ก็สำเร็จลุล่วงด้วยดี
ได้เหรียญทองขับร้องประสานเสียง (หลังจากที่ซ้อมๆๆ มาเป็นสิบปี)
จัดการแสดงพิธีเปิดปิดในการเป็นเจ้าภาพสาธิตสามัคคีก็จบลงไปอย่างสวยงาม และได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี (ถึงจะถูกด่าบ้างเป็นระยะๆ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต)
คุณพ่อก็ได้งานใหม่เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในวัยเกษียณ (ไม่รู้ว่าเป็นความสุขของพ่อจริงๆ หรือเปล่า งานหนักสุดๆ ผมว่าหนักว่าตอนพ่อเป็นข้าราชการประจำซะอีก ตั้งแต่รับตำแหน่งนี่แทบไม่ได้เจอกันเลย ไม่เข้าใจว่านักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมาสมัยก่อนๆ เขาทำงานกันโหดขนาดนี้หรือเปล่า)
ส่วนคุณแม่ก็ดูมีความสุขกับชีวิตดีสุขภาพแข็งแรง อารมณ์ดีมาก หัวเราะทั้งวัน
น้องชายสุขภาพดี กล้ามใหญ่ แถมได้แฟนน่ารักอีกต่างหาก
ส่วนผมก็มีภรรยาที่สุดแสนจะน่ารัก และกำลังจะมีลูกชายด้วยกัน
ทุกอย่างดูดีไปหมด (ทำให้กลัวๆ ยังไงไม่รู้)
ผมมานั่งนึกๆ ดูว่าผมปรารถนาอยากได้อะไรในวันนี้ ก็ยังนึกไม่ค่อยออก ก็คงปรารถนาให้คนรอบๆ ตัวผมมีความสุขเช่นเดียวกับผมมั้งครับ

ว่าแล้วก็ขอเล่าเรื่องความปรารถนาเล็กๆ ของผมในวัยเด็กสักหน่อยแล้วกันนะครับ
ตอนเด็กๆ ผมไม่ได้ฝันว่าอยากเป็นนักดนตรี อยากเป็นหมอ อยากเป็นอะไรทั้งนั้นนะครับ ผมฝันแค่อยากมีโต๊ะปิงปองที่บ้านแค่นั้นเอง

โต๊ะปิงปองนี่เป็นสิ่งที่ผมอยากได้ที่สุดเลย เพราะตอนเด็กๆ ผมชอบเล่นปิงปองมาก ในช่วงเปิดเทอม ตอนพักเที่ยงผมต้องรีบท่านข้าวเพื่อจะได้ไปจองโต๊ะปิงปองเพื่อเล่นให้ได้นานที่สุด บางวันถึงกับไม่ยอมกินข้าวเพื่อจะได้ไปจองโต๊ะทัน
และในช่วงปิดเทอมจะเป็นช่วงที่มีความสุขมาก เพราะที่ทำงานของคุณแม่ผมจะมีโต๊ะปิงปองอยู่ใต้ตึก ผมจะลงไปเล่นกับคุณน้าคนนึงที่ทำงานแม่ในช่วงพักเที่ยงโดยไม่มีใครมาแย่งเล่น และผมก็ได้แต่หวังว่า สักวันนึก หากที่โต๊ะปิงปองนี้มาอยู่ที่บ้านผมคงจะมีความสุขมากๆ และก็ได้แต่อธิษฐานทุกวันๆๆๆๆ แต่ไม่กล้าขอพ่อแม่หรอกนะครับ เพราะทราบดีว่าคุณพ่อคุณแม่คงไม่มีตังพอที่จะซื้อมันให้ผม ก็คิดแต่ว่าไว้รอผมมีตังแล้วจะซื้อมาเล่นที่บ้าน
เวลาผ่านไป 30 ปี.............
เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว อยู่ๆ ก็มีโต๊ะปิงปองลอยมาตั้งอยู่ที่บ้านผม โดยคุณลุงซื้อมาจากไหนก็ไม่ทราบ คำอธิษฐานของผมเป็นจริง
แต่ว่า............
ตั้งแต่โต๊ะปิงปองมาอยู่ที่บ้านผมเกือบเดือนผมยังไม่เคยได้เล่นเลย
แต่เป็นจริงในวันที่ผมก็ไม่ได้อยากได้มันแล้วอ่ะครับ ผมไม่มีเวลาเล่นปิงปองแล้ว ได้แต่เดินผ่านมันแล้วก็มองๆ แล้วก็ยิ้ม นึกถึงความฝันตอนเด็กๆ
ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับ มีใครเป็นเหมือนผมมั้ยครับ 5555
ได้สิ่งที่ต้องการในเวลาที่ไม่อยากได้แล้ว
แต่ที่เจ๋งคือ มันได้มาจริงๆ
ผมคิดว่าประเด็นมันน่าจะอยู่ที่ความเชื่อของเราว่าแรงพอหรือเปล่า หรือเรา Focus ในสิ่งนั้นมากเพียงพอหรือไม่ เพราะถ้ามีมากพอ เราก็แค่เขวี้ยงความคิดในเข้าไปในจักรวาลหรืออะไรสักอย่างนึก ซึ่งสักวันมาก็จะย้อนกลับมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ผมคิดว่าไอ้ความเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นนี่มันก็สำคัญนะครับ เราถูกสอนให้เชื่อในสิ่งที่มองเห็นพิสูจน์ได้จนบางครั้ง เราก็ละเลยหรือเลือกที่จะไม่เชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นหรือพิสูจน์ไม่ได้ แต่มันคงไม่ได้หมายความว่าผมสนับสนุนให้เชื่อเรื่องไสยาศาสตร์ มนตร์ดำอะไรทำนองนั้น เพราะผมก็มีหลักในการเลือกที่จะเชื่อเรื่องต่างๆ อยู่พอสมควร
อย่างไรก็ตามผมคิดว่าเราควรเชื่อมั่นในความเชื่อของเราว่ามันมีจริง มันเป็นของจริง แม้ว่าจะยังมองไม่เห็น เราควรเลือกที่จะเชื่อในความรัก เชื่อในความดี เคารพในความเชื่อของคนอื่น และพยายามไม่ทำลายความฝันของใคร ดังนั้นผมจึงพยายามอย่างมากที่จะคิดเรื่องดีๆ ทำดีๆ กับคนรอบข้าง ใส่สิ่งดีๆ เข้ามาในโลก  ถึงจะทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร เพราะผมก็ไม่ใช่ระดับที่ละวาง หรือเป็นผู้หลุดพ้นอะไรทำนองนั้น ก็เป็นแค่มนุษย์ง่อยๆ ธรรมดาๆ คนนึงแค่นั้นเองที่มีความเชื่อของผมแบบนี้ และความเชื่อแบบนี้มันทำให้ชีวิตผมมีความสุขในแบบของผม

สุดท้ายขอขอบคุณทุกท่านที่ส่งความปรารถนาดีมาในวันคล้ายวันเกิดผมนะครับ พรอันใดที่ท่านส่งมาขอให้ย้อนกลับไปหาทุกท่านเป็นร้อยเท่าพันทวีครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การรับรู้สุนทรียะในดนตรี

การเรียนการสอนแบบบูรณาการผ่านเพลงประจำชาติอาเซียน

กำเนิดเสียงดนตรี