การรับรู้สุนทรียะในดนตรี

การรับรู้ทางสุนทรียะในดนตรี
                                                                                                      เรียบเรียงโดย อ.อุทัย ศาสตรา

ประเสริฐ ศีลรัตนา (2542) กล่าวว่า การรับรู้ทางสุนทรียภาพ เป็นการรับรู้ความงามของวัตถุ  ต่าง ๆ ซึ่งอาจมีกระบวนการที่คล้ายคลึงกับการรับรู้ทั่วไป ซึ่งท่านได้กล่าวถึงหลักการเกี่ยวกับการรับรู้ทางสุนทรียภาพไว้ดังนี้
1. การรับรู้ทางสุนทรียภาพต้องมีความเข้าใจในสุนทรียวัตถุหรือสุนทรียภาพ เพื่อนำไปสู่ความรู้สึกถึงคุณค่าของสิ่งที่งาม หรือคุณค่าของสุนทรียวัตถุ

2. ผู้รับรู้จะต้องมีความสมบูรณ์ของประสาทสัมผัสที่จำเป็นสำหรับสิ่งที่สนใจ ซึ่งประสาทสัมผัสนั้นจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนมาก่อนแล้ว เนื่องจากความรู้เชิงสุนทรียภาพ มีความละเอียดอ่อนและซับซ้อน
3. ความรู้สึกจากการรับรู้ต้องสร้างอารมณ์บางอย่างกับผู้รับรู้ เช่น ความรู้สึกเมื่อฟังดนตรี หรือความรู้สึกเมื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า เป็นต้น

4. ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการรับรู้จะต้องถ่ายทอดความหมายบางอย่างสู่ผู้รับรู้ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อความรู้สึกที่รับรู้ของร่างกายและจิตใจ เช่น การเคลื่อนไหวร่างกายไปตามความรู้สึกขณะฟังดนตรี เป็นต้น

5. ผู้รับรู้จะต้องมีสติรู้ตัวเองอยู่เสมอว่าตนเองกำลังสนใจสิ่งใดอยู่ ต้องมีใจจดจ่อกับสิ่งเร้าอย่างมีสมาธิ
กระบวนการรับรู้ทางสุนทรียภาพที่กล่าวข้างต้นเป็นกระบวนการรับรู้โดยทั่วไป ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้การรับรู้ทางดนตรีไทย ซึ่งมีกระบวนการรับรู้และการตีความหมาย ตลอดจนการเกิดความรู้สึกหรือประสบการณ์ทางสุนทรียภาพเหมือนกัน ต่างกันเพียงการรับรู้ทางดนตรีให้อวัยวะรับสัมผัสทางโสตประสาท หรือการฟัง เมื่อรับรู้สุนทรียวัตถุแล้ว จึงเข้าสู่กระบวนการตีความหมายด้วยสมอง แล้วจึงเกิดความรู้สึกต่าง ๆ ดังนั้น การรับรู้โดยการฟัง จึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกระบวนการรับรู้ทางสุนทรียภาพในดนตรี ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่แตกต่างจากการรับรู้ทางสุนทรียภาพในทัศนศิลป์หรือศิลปะประเภทอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ทางสุนทรียภาพมากที่สุดคือ การมองและการฟังดังที่ สุเชาว์ พลอยชุม (2534) กล่าวว่า การสัมผัสรู้ (sensation) ที่นำมาใช้เกี่ยวกับประสบการณ์ทางสุนทรียภาพมากที่สุด คือ การรับรู้โดยการมองเห็นและการรับรู้โดยการฟัง เนื่องจากเหตุผล 3 ประการดังนี้

1. การมองเห็นและการฟังเป็นการรับรู้ที่ใช้ในการติดต่อ ถ่ายทอด ส่วนการรับรู้ในลักษณะอื่น ๆ นั้นใช้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง

2. การมองและการฟังจะต้องมีระยะใกล้ไกลที่พอเหมาะ ทั้งนี้เพื่อจะได้พินิจพิจารณาและฟังได้อย่างชัดจน ส่วนการรับรู้ในลักษณะอื่น ๆ นั้น ไม่จะเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องระยะใกล้ไกล เนื่องจากการรับรู้เหล่านั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกขณะ

3. ความประทับใจที่เกิดจากการมองเห็นและการฟังนั้น จะบันทึกอยู่ในความทรงจำได้ดีกว่าความรู้สึกที่ได้รับจากการรับรู้ในลักษณะอื่น ๆ และศิลปินสามารถแสดงความประทับใจดังกล่าวออกมาในศิลปะได้ดีกว่าความรู้สึกที่ได้รับจากการรับรู้ในลักษณะอื่น
การรับรู้โดยการฟังเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกระบวนการรับรู้ทางสุนทรียภาพในดนตรี ทั้งดนตรีไทยและดนตรีสากล การพัฒนาความสามารถทางการรับรู้สุนทรียภาพในดนตรีจึงจำเป็นต้องพัฒนาความสามารถในการรับรู้โดยการฟังด้วย ซึ่งจะได้กล่าวถึงเกี่ยวกับการฟังดนตรีในหัวข้อต่อไป


การฟังเพื่อการรับรู้สุนทรียะในดนตรี
ปราชญ์ทางดนตรีท่านได้แบ่งผู้ฟังออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ได้แก่ ผู้ฟังที่ไม่มีความรู้ทางดนตรี (Unsophisticated listener) ผู้ฟังด้วยความตั้งใจ (Conscious listener) และผู้ที่ฟังอย่างจริงจัง (Serious listener) ซึ่งมีรายละเอียดการฟังดังนี้

1. ผู้ฟังโดยผ่านหู (Unsophisticated listener) ผู้ฟังประเภทนี้มีนิสัยชอบฟังดนตรีอย่างผิวเผิน กล่าวคือ เมื่อฟังดนตรีก็มิได้สนใจเรื่องราวหรือภูมิหลังของดนตรีที่ฟัง หรือแม้แต่ชื่อเพลงก็มิได้สนใจ สามารถฟังเพลงไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่เบื่อหน่าย เพลงที่ฟังจะเป็นสั้น ๆ จะมีท่วงทำนองและ   เนื้อร้องที่จดจำและขับร้องตามได้ง่าย ผู้ฟังประเภทนี้ส่วนมากจะเป็นผู้ที่มิได้รับการศึกษาทางดนตรีมากนัก และไม่พะวงในคุณค่าทางด้านสุนทรียภาพเท่าใดนัก

2. ผู้ฟังด้วยความรู้ตัว (Conscious listener) ผู้ฟังประเภทนี้จะฟังด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ดื่มด่ำพอสมควร ถ้าชอบฟังเพลงใดจะให้ความสนใจต่อรายละเอียดของเพลงประเภทนั้น และรู้จักเปรียบเทียบ วิจารณ์บางสิ่งบางอย่าง เช่น เพลงนี้ถ้าให้วงดนตรีนั้นบรรเลงหรือนักร้องคนนั้นขับร้องจะไพเราะ น่าฟังกว่า เป็นต้น ผู้ฟังประเภทนี้ส่วนมากเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษาทางดนตรีในระดับปานกลางไปจนถึงระดับสูง และเป็นผู้ที่พร้อมจะซาบซึ้งในคุณค่าทางด้านสุนทรียภาพ หากได้รับการแนะนำและส่วนเสริมอย่างถูกวิธี

3. ผู้ที่ฟังอย่างตั้งใจจริง (Serious listener) ผู้ฟังประเภทนี้ เป็นผู้ฟังดนตรีด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ดื่มด่ำมาก รู้จักเลือกฟังเพลงที่มีคุณค่าทางด้านจิตใจ มีความกระตือรือร้นที่จะศึกษาภูมิหลังของดนตรีที่ฟังอย่างละเอียด จะตีความหมายของผู้แต่งเพลงได้อย่างถูกต้อง และยังรู้จักเปรียบเทียบ วิจารณ์บทเพลง ตลอดจนการบรรเลงและการขับร้องได้เป็นอย่างดี ผู้ฟังประเภทนี้จะเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษาทางดนตรีในระดับปานกลางไปจนถึงระดับสูงเป็นส่วนมาก และมีไม่น้อยที่เป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับวงการดนตรี ผู้ฟังประเภทนี้จะซาบซึ้งในคุณค่าทางด้านสุนทรียภาพได้ด้วยตนเองเหนือได้โดยการแนะนำเพียงเล็กน้อย     (ไขแสง ศุขะวัฒนะ, 2554)

นอกจากนี้ณรุทธ์ สุทธจิตต์ (2555) กล่าวว่า  การฟังที่จะเกิดความสุนทรียภาพและความซาบซึ้งในดนตรีขึ้นอยู่กับลักษณะและเจตคติของผู้ฟัง ซึ่งสามารถจัดได้เป็น  4  ประเภท

    1. การฟังอย่างมิได้ตั้งใจ (Passive Listening)  ได้แก่ การได้ยินเป็นส่วนประกอบของเหตุการณ์ หรือสถานการณ์หนึ่ง เช่น การฟังเพลงในขณะรับประทานอาหาร  การฟังเพลงระหว่างเดินซื้อของตามศูนย์การค้า  เป็นต้น

           2. การฟังเนื่องจากดนตรีทำให้สนใจ (Sensuous Listening) การฟังที่เกิดจากความไพเราะของเสียงดนตรี ทำให้ผู้ฟังรู้สึกฉงน  ต้องฟังเพราะรู้สึกว่าดนตรีไพเราะจับใจ การฟังชนิดนี้ทำให้ผู้ฟังรู้สึกซาบซึ้งในดนตรีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงระดับความซาบซึ้งที่แท้จริง

         3. การฟังเนื่องจากอารมณ์ (Emotional Listening) การฟังที่ผู้ฟังมีความรู้สึกต่อเพลงที่ตนชอบฟังไปตามอารมณ์ของตนเองมีความตั้งใจฟังมากกว่าการฟังเนื่องจากดนตรีทำให้สนใจแต่มิได้มีความเข้าใจในดนตรีจนถึงขั้นซาบซึ้งอยางแท้จริง

    4. การฟังโดยรับรู้ (Perceptive Listening) การฟังลักษณะนี้แตกต่างไปจากการฟังที่กล่าวมาแล้ว เนื่องจากใช้สมาธิในการฟังดนตรี โดยมีความเข้าใจเป็นพื้นฐานซึ่งจะนำไปสู่ความซาบซึ้งที่แท้จริง ความซาบซึ้งในลักษณะนี้จัดเป็นความซาบซึ้งที่แท้จริง เพราะผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่ได้ยินและมีจุดหมายในการฟัง การฟังดนตรีในลักษณะนี้เป็นการรับรู้ดนตรีในลักษณะโสตศิลป์อย่างแท้จริง 

ผู้ฟังที่จะเกิดสุนทรียะในดนตรี ต้องผู้พร้อมที่จะรับความไพเราะของเสียงที่ผู้ร้องหรือเครื่องดนตรีของผู้บรรเลงเปล่งออกมาอย่างตั้งใจ โดยผ่านขบวนการตีความหมายอย่างละเอียดลออจากบทเพลงของคีตกวี หรือกล่าวได้ว่า ผู้ฟังเป็นผู้พร้อมที่จะรับฟังบทเพลงด้วยความชื่นชอบ ซึ่งความชื่นชอบหรือการรู้คุณค่าในสุนทรียวัตถุของผู้ฟังจะมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับพื้นฐาน 3 ประการ  คือ (ไขแสง ศุขะวัฒนะ, 2554)
           1.  การฟังมามาก และหาโอกาสที่จะฟังอยู่เรื่อย ๆ 
           2.  การฝึกฝนในด้านรสนิยม (Taste) ให้เป็นผู้มีรสนิยมในการฟังที่ดี
           3.  ความกระตือรือร้นที่จะศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ อันเกี่ยวข้องกับดนตรีอย่างไม่หยุดยั้ง 

การฟังดนตรี เป็นองค์ประกอบสำคัญของการรับรู้สุนทรียภาพในดนตรี ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องได้รับการพัฒนาและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ดังที่ไขแสง ศุขะวัฒนะ (2554) กล่าวว่า การฟังเพื่อให้เกิดผลดีแก่ผู้ฟัง ต้องมีลำดับขั้นตอนดังนี้

1. การได้ยิน (hearing) ขั้นแรก ผู้ฟังจะต้องได้ยินเสียงดนตรีเสียก่อน และเมื่อเกิดความสนใจขั้น ก็จะผ่านไปถึงขั้นที่สอง คือ ขั้นการฟัง

2. การฟัง (listening) ในขั้นนี้จะวัดได้ว่า เขาเริ่มให้ความสนใจเสียงของดนตรีมากขึ้น และถ้าผู้ฟังมีใจจดจ่อที่จะได้ยินต่อเนื่องกันไป ก็หมายความว่า มีความสนใจที่จะฟังดนตรีแล้ว

3. การคิด (thinking) ขณะที่กำลังฟังดนตรีอยู่นั้น จะมีกระบวนการคิดตามเสียงดนตรีที่ฟัง การคิดนี้จะลึกซึ้งเพียงใด ขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ของผู้ฟังดนตรีแต่ละคน

4. การรู้สึก (feeling) การคิดย่อมนำไปสู่ความรู้สึกทางอารมณ์ ซึ่งเรียกว่า “การรู้สึก” เป็นขั้นตอนสำคัญของการฟังดนตรี ผู้ฟังจะเริ่มรู้คุณค่าของบทเพลงที่ฟังมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับความรู้สึกนี้

5. การจำ (remembering) เป็นขั้นสุดท้ายของการฟัง เพลงบทใดที่ผู้ฟังสนใจและได้ฟังซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ผู้ฟังจะจำบทเพลงนั้นได้ หากผู้ฟังที่จำเพลงได้แล้ว ยังมีความสนใจเพลงบทนั้นอยู่ แสดงว่าผู้ฟังได้รู้คุณค่าของเพลงบทนั้นเป็นอย่างดี 

บรรณานุกรม

ไขแสง ศุขะวัฒนะ. 2554. สังคีตนิยม ว่าด้วยดนตรีตะวันตก. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร:
สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
ณรุทธ์ สุทธจิตต์. 2555. สังคีตนิยม: ความซาบซึ้งในดนตรีตะวันตก. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพมหานคร: 
สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประเสริฐ ศีลรัตนา. 2542. สุนทรียะทางทัศนศิลป์. กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์.
สุเชาว์ พลอยชุม. 2534. สุนทรียศาสตร์: ปัญหาและทฤษฎีเกี่ยวกับความงามและศิลปะ. พิมพ์ครั้งที่ 2
กรุงเทพมหานคร: โครงการตำราภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.

ใบงาน
ประสบการณ์ฟังเพลง

คำชี้แจง ให้เลือกฟังเพลงหรือการแสดงดนตรีที่นักเรียนสนใจจากอินเตอร์เน็ตอย่างน้อย 2 เพลง/ การแสดง (มีลักษณะ/ รูปแบบแตกต่างกัน) โดยต้องเป็นบทเพลงท่านิสิตไม่เคยฟังหรือชมมาก่อน และ ไม่ใช่ เพลงสมันนิยม (Pop Music) จากนั้นให้นิสิตบันทึกการฟังเพลงหรือชมการแสดงลงในแบบฟอร์มในละเอียด ชัดเจน และเป็นระเบียบเรียบร้อย ตามประเด็นดังนี้
1. ข้อมูลเกี่ยวกับเพลงหรือการแสดง
2. เขียนแสดงอารมณ์ หรือความรู้สึกของตนเองที่มีต่อบทเพลงหรือการแสดง และช่วงที่นักเรียนประทับใจมากที่สุด (ระบุเวลาของช่วงที่นักเรียนประทับใจด้วย)
3. อ้างอิง URL ของบทเพลงหรือการแสดงที่นักเรียนฟัง/ชม 
4. หลังจากทำเสร็จเล้วส่งมาที vitchatalum.l@mso.chula.edu

ตัวอย่าง การบันทึกการฟังเพลง/ ชมการแสดง

ชื่อบทเพลง/ การแสดง
เดี่ยวระนาด 5 ราง เพลงเทพบรรทม โดยครูละมูล เผือกทองคำ    

สารสนเทศเกี่ยวกับบทเพลง/ การแสดง (รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติหรือข้อมูลเกี่ยวบทเพลง/ ลักษณะหรือรูปแบบการแสดง)
การเดี่ยวระนาดเอก เป็นการบรรเลงรูปแบบหนึ่งที่มีจุดประสงค์เพื่อแสดงความสามารถของผู้บรรเลง รวมถึงแสดง         ภูมิปัญญาของ  ผู้คิดประดิษฐ์ท่วงทำนอง (ทาง) ของเพลงเดี่ยว ซึ่งโดยปกติจะบรรเลงเพียงรางเดียว ต่อมามีการคิดสร้างสรรค์         การบรรเลงเดี่ยวระนาดเอกมากกว่า 1 ราง ขึ้นอยู่กับความประสงค์และความสามารถของผู้บรรเลง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้แก่ การบรรเลงดนตรีไทยอีกทางหนึ่ง สำหรับการบรรเลงในครั้งนี้ บรรเลงเพลงเทพบรรทม

อารมณ์ ความรู้สึกที่มีต่อบทเพลง/ การแสดง
จากที่ฟังรายการ มรดกใหม่ ข้าพเจ้าได้รับความรู้ และประสบการณ์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับการการบรรเลงระนาดเอก ซึ่งโดยปกติจะบรรเลงเพียงรางเดียว แต่จากที่ได้ชมการบรรเลงระนาดเอกครั้งนี้ ทำให้ผมได้เรียนรับรู้ว่าระนาดเอกสามารถเดี่ยว           ได้หลายราง ตั้งแต่ 2 ราง จนถึง 7 ราง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้บรรเลง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และอัจฉริยะทางภูมิปัญญาของครูดนตรีไทย
อารมณ์ ความรู้สึกหลังจากที่ได้ฟังการบรรเลงเดี่ยวระนาดเอก 5 ราง ผมมีความทึ่งในความสามารถของครูผู้บรรเลง และมีความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจในศาสตร์ทางดนตรีไทยอย่างลึกซึ้ง แต่การบรรเลงเดี่ยวระนาดเอก 5 รางนี้      ก็ทำให้ผมสนใจและติดตามฟังจนกระทั่งบรรเลงจบ
นอกจากนี้ รายการยังได้สอดแทรกเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการเตรียมการและเทคนิคการบรรเลงเดี่ยวระนาดเอก 5 รางด้วยอีกทั้ง ยังมีแสดงให้เห็นการนำเครื่องดนตรีตะวันตก มาบรรเลงร่วมกับเครื่องดนตรีไทย ซึ่งผมมีความรู้สึกว่าเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่กลมกลืน และช่วยเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น

ช่วงที่ประทับใจมากที่สุด (อธิบายเหตุผลของความประทับใจและระบุเวลาของช่วงนั้น)
ช่วงเวลาที่ประทับใจมากที่สุด คือ ช่วงที่ครูบรรเลงโดยไขว้มือตีข้ามราง (13.57) ซึ่งผมรู้สึกทึ่งในความสามารถของครู   ผู้บรรเลง และทึ่งในภูมิปัญญาของผู้คิดประดิษฐ์เทคนิควิธีการบรรเลงระนาดเอกที่แปลก พิสดาร และน่าสนใจอย่างมาก  

อ้างอิง URL : https://www.youtube.com/watch?v=_6Oxzp7An-0

แบบบันทึกการฟังเพลง/ ชมการแสดง


ชื่อบทเพลง/ การแสดง
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

สารสนเทศเกี่ยวกับบทเพลง/ การแสดง (รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติหรือข้อมูลเกี่ยวบทเพลง/ ลักษณะหรือรูปแบบการแสดง)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

อารมณ์ ความรู้สึกที่มีต่อบทเพลง/ การแสดง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ช่วงที่ประทับใจมากที่สุด (อธิบายเหตุผลของความประทับใจและระบุเวลาของช่วงนั้น)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

อ้างอิง URL..........................................................................................................................................................


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การเรียนการสอนแบบบูรณาการผ่านเพลงประจำชาติอาเซียน

กำเนิดเสียงดนตรี